มนต์เสน่ห์แห่ง Venezia หรือที่เรารู้จักกันในนาม Venice ถ้าหากพูดถึงอิตาลีแล้ว คงจะไม่มีใครลืมเมืองนี้ไปได้ Venezia เป็นเมืองแห่งสายน้ำ ตั้งอยู่บนน้ำ ไม่มีรถราวิ่ง แต่ใช้เรือเมล์ หรือ วาปอเร็ตโต (Vaporetto) ในการเดินทาง รวมถึงสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับนักท่องเที่ยวนั่นก็คือ เรือกอนโดลา (Gondola) ลัดเลาะชมวิวไปตามลำคลอง
เรามาดูแผนการเดินทางของวันนี้กันก่อนดีกว่า เพื่อให้มีเวลาเที่ยวแบบจุใจเราจึงออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ และเผื่อเวลาสำหรับรถไฟด้วย เนื่องจากรถไฟในต่างแดนตรงเวลาเสียยิ่งกว่าอะไร โชคดีที่ไม่ต้องนั่งรถบัสไปสถานี เนื่องจากพักอยู่บ้านเพื่อน และคำนวณค่าที่จอดรถแล้วคุ้มกว่าที่จะต้องนั่งรถบัสออกจากบ้านค่ะ
- Europe – การทำวีซ่า Schengen
- Europe - การเตรียมตัวเพื่อเดินทางไกล
- Europe Trip - Golden Experience ตอนที่ 1 บินลัดฟ้าสู่ประเทศในฝัน
- Europe Trip - Golden Experience ตอนที่ 2 บ่ายวันแรก Bassano del Grappa
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 3 มนต์เสน่ห์แห่ง Venezia
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 4 Milan อลังการ มหาวิหาร Duomo
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 5 ท่องเมืองโรแมนติก Verona & ยามบ่ายชิวๆ ที่ Lake Sirmione
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 6 ขึ้นเขา Asiago ไปชมวิว - Vicenza Italy
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 7 ตามหากาลิเลโอ - Pisa Italy
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 8 มหัศจรรย์ Roma Italy โคลอสเซียม โรมันฟอรัม
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 9 Paris ที่รัก I love Eiffel
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 10 Paris ตามรอยดาวินชี พิพิธภัณฑ์ Louvre - shopping ชองเซลิเซ่
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 11 สู่ดินแดนในฝัน สวิตเซอร์แลนด์ ล่องทะเลสาป Brienz
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 12 สวิตเซอร์แลนด์ เส้นทางสู่ Jungfraujouh Top of Europe
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 13 สวิตเซอร์แลนด์ ชมเมือง Interlaken
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 14 Italy เที่ยวตลาดพื้นเมือง Vicenza
เมื่อเรามีแผนการเดินทางแล้ว ก็อย่าลืม ตั๋วรถไฟนะคะ เป็นโชคของเราที่ได้ตั๋ว 1 class มาในราคาโปรโมชั่น เวลาจอง ให้เลือกสถานี Venezia S. Lucia จะเป็นสถานีที่อยู่บนเกาะ Venezia หากเลือก สถานี Venezia Mestre จะไปลงที่ฝั่งที่ใกล้กับ Venezia แทน ดูได้จากภาพ
เริ่มต้นการออกเดินทางเช้าวันแรกด้วยร้านกาแฟในเมืองเล็กๆ Vicenza วันนี้ขอลอง Cafe Latte บ้างนะคะ กาแฟที่นี่มีหลายยี่ห้อ แต่ยี่ห้อที่เราติดอกติดใจมากก็คือ illy ค่ะ
ไหนๆ เราก็ชอบดื่มกาแฟแล้วมารู้จักกันซักเล็กน้อย อิตาลีถือว่าได้เป็นต้นกำเนิดสูตรกาแฟที่แพร่หลายไปทั่วโลก
Espressso เอสเปรซโซ่ กาแฟดำรสชาติเข้ม ใส่มาในถ้วยขนาดเล็ก ลักษณะเป็นชอท ดิ่มไม่กี่อึกก็หมด
Cappuccino คาปูชิโน กาแฟใส่นม ซึ่งตีฟองลอยมาในถ้วยกาแฟขนาดปกติ
Cafe Latte ลาเต้ กาแฟใส่นมเสริฟมาในแก้วใส
นอกจากสูตรกาแฟปกติที่กล่าวมาแล้ว เราจะขอยกตัวอย่างกาแฟสูตรอื่นๆ ที่เคยดิ่มที่อิตาลี นั่นก็คือ กาแฟ ผสมโสม ที่ไม่เหม็นกลิ่นโสมแบบกินไม่ได้เหมือนที่เคยลองที่ไทย และ กาแฟผสมนมถั่วเหลือง ซึ่งขนาดคนที่ไม่ชอบดิ่มนมถั่วเหลืองอย่างเราก็ยังต้องแพ้ให้กับกาแฟรสนี้เลยทีเดียว
นอกจากกาแฟจะอร่อยแล้ว ขนมก็มีให้เลือกมากมาย วันนี้เราขอนำเสนอ ครัวซองค์สดใหม่ ไส้วนิลาแท้ กับ ทาร์ตผลไม้ ทานกับกาแฟอุ่นๆ เข้ากันๆ เพื่อนเราแนะนำมาว่า กาแฟที่ดีจะต้องไม่ร้อนลวกปากนะจ๊ะ
ระหว่างทางไปสถานี ยังเช้าอยู่อากาศดีมากๆ
เวลาจอดรถเพียงแค่กดเอาบัตรจอดรถจากตู้เล็กๆ สีเหลืองตรงที่กั้น เมื่อเรากลับมาเราก็ไปจ่ายเงินตรงตู้อัตโนมัติด้านหน้าที่จอดรถ ซึ่งจะคิดตามรายชั่วโมงที่เราจอดค่ะ ก่อนจะออกจึงนำบัตรมาเสียบที่ตู้เหลืองเล็กอีกครั้งก็กลับบ้านได้
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ เราก็ต้องนำเลขบวนรถ เวลา และเมืองที่เราจะไปตรวจสอบกับบอร์ดใหญ่ที่จะแสดงว่า หมายเลขขบวนรถที่เราจะไปจอดอยู่ชานชาลา (binario) ที่เท่าไหร่ค่ะ ซึ่งจะมีบอกไว้ที่ตั๋วเดินทางค่ะ
ตั๋วเดินทาง
เช่น FrecciaBianca 9701 8:26 Vicenza - Venezia S.Lucia binario2
บรรยากาศการรอรถไฟที่สถานี Vicenza ตอนเช้าค่ะ เราต้องมารอรถไฟเพื่อกันไม่ใ้ห้ตกรถไฟนะคะ ตอนนี้เรารู้ว่าขบวนที่เราจะไปต้องมารอที่ชานชาลาที่ 2 ค่ะ
สมมติว่าเราต้องย้ายชานชาลา กรณีเปลี่ยนรถไฟ เราไม่สามารถวิ่งข้ามกันได้อย่างบ้านเรานะคะ ต้องเดินลงไปตามทางเดินใต้ดินที่ทำไว้ เพื่อเปลี่ยนชานชาลา เพราะฉะนั้นหากมีการเปลี่ยนขบวนรถ จองตั๋วเผื่อเวลาในการเดินเปลี่ยนชานชาลานิดนึงนะคะ เนื่องจากหากเป็นสถานีใหญ่ อาจจะต้องใช้เวลาในการเดินนิดนึงค่ะ
ที่นั่งชั้น 1 class กว้างสบาย มีผ้าเย็นแจกด้วยค่ะ หากอยากจะเข้าห้องน้ำแนะนำให้เข้าบนรถไฟนะคะ ห้องน้ำสะอาดค่ะ ที่สำคัญฟรีนะคะ หากเข้าที่สถานีอาจจะต้องเสียเงินค่าเข้าห้องน้ำประมาณ 1 ยูโรค่ะ ห้องน้ำจะอยู่ระหว่างขบวนรถค่ะ ก่อนจะเข้ามาในตัวขบวนรถจะต้องกดปุ่มเปิดประตูก่อนนะคะ
ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชม. รถไฟก็จะวิ่งผ่านสะพานข้ามทะเลสาบ และจอดเทียบที่สถานี Venezia S. Lucia ออกมาก็จะเจอลานกว้างๆ บรรยากาศ ริมน้ำแบบนี้ค่ะ
Venezia มีคลองใหญ่ไหลผ่านกลางเมืองเราเรียกในภาษาอิตาลีว่า คานาเล่ กรันเด (Canale Grande) หรือ แกรนด์ คาแนล ถ้าหากมองในมุมสูงจะเห็นเป็นตัว S กลับหลัง
ของที่ระลึกมีให้เลือกหลากหลายแบบ มีทั้ง Magnet โปสการ์ด ที่เปิดขวด และรวมไปถึงหน้ากาก Venezia ขนาดเล็กให้ได้เลือกซื้อกันอยากจุใจ มีให้เลือกหลายร้านค่ะ
เห็นร้านเครื่องประดับ handmade สาวๆ อย่างเราก็อดใจไม่อยู่ขอเข้าไป shopping สักเล็กน้อยค่ะ
ร้านหน้ากากเลยก็มีค่ะ แต่ถ่ายได้แต่ด้านนอกนะคะ ภายในร้านหลายๆ ร้านห้ามถ่ายภาพค่ะ
เดินข้ามสะพานเล็กๆ อันแรกค่ะ วิวจากบนสะพาน
การเดินทางใน Venezia
เรามารู้จักการเดินทางใน เมืองเล็กๆ นี้สักเล็กน้อย หากไม่เลือกเดิน ก็จะต้องโดยสารเรือไป แต่หากเราเลือกเดินทางด้วยเรือ ก็จะมีหลากหลายแบบด้วยกัน
เรือเมล์ หรือ วาปอเร็ตโต (Vaporetto)
ซึ่งมีมากมายหลายสาย สายที่นักท่องเที่ยวนิยมก็คือ
สาย1 จากท่า Piazzale Roma ล่องไปตามคลองหลัก คานาเล่ กรันเด (Canale Grande) จอดทุกท่าทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา หากไม่รีบก็เลือกที่จะนั่งสายนี้ชมวิวทิวทัศน์ได้ค่ะ
สาย 2 ล่องเส้นทางเดียวกับสาย 1 แต่ไม่จอดทุกท่า เดินทางเร็วกว่า
ทั้งสองสาย มีท่าแยกห่างกันเล็กน้อย ก่อนลงเรืออย่าลืม Validate ตั๋วก่อนทุกครั้งนะคะ
ราคาค่าโดยสารตรวจสอบได้จาก
http://www.actv.it/
ตั๋วเที่ยวเดียว 6.5 ยูโร 60 นาที
ตั๋ว 12 ชม. 16 ยูโร
แท๊กซี่น้ำ (Water taxi) เรือขนาดเล็กนั่งได้ประมาณ 4 คน สำหรับคนที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว
เรือกอนโดลา (Gondola) เรือสุดฮิต สีดำขลับ ตกแต่งที่นั่งอย่างหรูหรา มีท่าลงเรืออยู่ทั่วไป ราคาก็ตามความหรูเลยค่ะ หากจะใช้ก็อย่าลืมตกลงราคากับคนพายเรือ หรือ กอนโดเลีย (Gondolier) กันก่อนนะคะ
บรรยากาศระหว่างทางเดิน ร้านกาแฟเล็กๆ ร้านต้นไม้ดอกไม้ ตัดกับตึกรูปทรงโบราณค่ะ
ธนาคารที่เปิดทำการค่ะ เป็นไงคะ รูปทรงยังคงเป็นแบบเก่าอยู่เลยค่ะ
กอนโดเลียกำลังเตรียมตัวออกเรือค่ะ
สมัยก่อนเรือกอนโดลาเคยมีหลายสีค่ะ แต่ตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1562 สภาเมืองมีมติให้ทาเรือเป็นสีดำทุกลำ เพื่อลดปัญหาการทาสีตกแต่งเรืออวดความร่ำรวยกัน และเพื่อเป็นเอกลักษณ์แบบเดียวกันด้วยค่ะ ส่วนชุดของกอนโดเลีย ก็จะคล้ายกันค่ะ คือสวมเสื้อยืดลายแถบดำ หรือ แดง พาดขาวขวางลำตัว สวมหมวกคาดริบบี้น ซึ่งกอนโดเลียก็จะแจวเรือพร้อมร้องเพลงไปด้วย อาจจะต้องจ่ายเพิ่มนะคะหากอยากให้กอนโดเลียร้องเพลงให้ฟัง
โบสถ์เล็กๆ
เรากำลังมุ่งหน้าไปที่ สะพานริอัลโต (Ponte di Realto) ซึ่งมีป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ ค่ะ
กอนโดเลียแบบใส่เสื้อแถบแดงบ้างค่ะ
ถึงแล้วค่ะ สะพานริอัลโต (Ponte di Realto) สะพานที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์ของ Venezia หรือ Venice สมัยก่อนเคยเป็นสะพานไม้ แต่เมื่อพังลงก็สร้างเป็นสะพานหินอิสเตรียน ยาว 28 เมตร สูง 8 เมตร ในปี 1588-1592 ทดแทนอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เป็นสะพานที่ตรงกลางมีหลังคาคลุม มีผนังเจาะเป็นช่องโค้ง และมีราวระเบียงทั้งสองข้างเปิดให้เห็นวิวทิวทัศน์ของคลอง ผู้ออกแบบคือ อันโตนีโอ ตา ปอนเต
วิวบนสะพานค่ะ
ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี เพื่อเป็นการประหยัดงบ วันนี้เราพกอาหารกลางวันที่ไป shopping ที่ supermarket เมื่อวานมาค่ะ เป็นขนมปังกับ แฮมสด ทานอาหารกลางวันแบบปิ๊กนิก แถมด้วยวิวใต้สะพานริอัลโต ชิลสุดๆค่ะ
สองข้างสะพานก็มีร้านขายของทั้งเครื่องประดับ และของที่ระลึกค่ะ และนี่เรามาลอง เครปสด ไส้ Nutella เป็นของหวานตบท้ายกัน
ท่าเรือกอนโดลาค่ะ
เจอโบสถ์เล็กๆ อีกแล้วค่ะ
ขอเข้าไปชมด้านในหน่อย
จุดมุ่งหมายสำคัญของเราในวันนี้นั่นก็คือ Piazza San Marco ค่ะ ระหว่างทางเดินก็มีร้านค้าทั้งของที่ระลึก และ แบรนด์เนมมากมาย มีให้ชมกันตลอดทางเพลินๆ ค่ะ เลยรู้สึกว่าไม่ไกล
ถึงแล้วค่ะ Piazza San Marco เป็นจตุรัสที่มีชื่อเสียงและสวยงามที่สุดของ Venezia เปิดตัวด้วย หอนาฬิกาตอเร เดลโลโรโลโจ (Torre dell’ Orologio) ซึ่งอยู่บนตึกโปรคูราตีเอ เวคคีเอ เป็นสไตล์เรอเนสซองซ์
ยอดบนสุดเป็นรูปหล่อสำริดแขกมัวร์ 2 คน ใช้ค้อนทุบระฆังบอกเวลาทุกชั่วโมง ถัดลงมาจะเป็นรูปสิงโตบิน สัญลักษณ์ของ Venezia
หอระฆังกัมปานีเล (Campanile) หอระฆังสูงตระหง่านกลางจตุรัส เป็นหอระฆังของโบสถ์ซานมาร์โค สูง 98.5 เมตร มีลิฟต์และบันไดให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ได้ และมีค่าธรรมเนียมการเข้าชม เราก็ขอชมอยู่ด้านล่างนะคะ
โบสถ์ซานมาร์โค (Basilica San Marco) สร้างด้วยสถาปัตยกรรมหลากสมัย ผสมกับศิลปะตะวันออก ยอดโดมมีลักษณะคล้ายกับสุเหร่าของอิสลาม
น่าเสียดายวันที่เราไปโบสถ์ปิดซ่อมไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังคงความสวยงามอยู่ เสียดายตรงที่ไม่ได้เข้าไปชมความงามภายในเนื่องจากแถวนักท่องเที่ยวยาวสุดๆ เลยขอชมบรรยากาศภายนอกค่ะ
ลานกว้างของจตุรัสมีนกพิราบ และนักท่องเที่ยวเต็มไปหมดค่ะมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ทั่วๆไปค่ะ
ภาพบรรยากาศลานค่ะ
หากใครสนใจจะนั่งเรือไปเที่ยวต่อยัง เกาะลิโด เกาะมูราโน่ก็สามารถทำได้นะคะ
บรรยากาศริมน้ำค่ะ มองเห็นวังผู้ครองนคร (Doge's palace) ซึ่งตั้งอยู่ติดกับโบสถ์เซนต์มาร์ก
ปอนเต เดย์ ซอสปีรี (Ponte dei sospiri) หรือ Bridge of signs สมัยก่อนเป็นสะพานที่นำนักโทษจากห้องพิพากษาเข้าไปขังในคุก เสียงสะอื้นของนักโทษมักดังขึ้นเมื่อพวกเขาจะมองเห็นท้องทะเลและท้องฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย แต่ปัจจุบันเชื่อว่า หากคู่รักได้นั่งเรือกอลโดล่าไปจุมพิตกันอยู่ใต้สะพาน ความรักนั้นจะเป็นนิรันดร์
หลังจากนั้นเราก็เดินเก็บบรรยากาศรอบๆ ค่ะ
และเริ่มเดินทางกลับเพื่อให้ทันรถไฟที่จองไวตอนเย็นค่ะ
เดินไปเดินมาเริ่มหลงค่ะ เจอตรอกแคบๆ
ทางไปสถานีทางไหนกันน้า
หลงจนมาเจอลานนี้ค่ะ ก็ขอนั่งพักเหนื่อยกันหน่อย
ตรงนี้ก็มี Tabacchi นะคะ ร้านค้าสารพัดประโยชน์ มีขายทุกอย่างค่ะ
ไหนๆ ก็แวะแล้วขอดื่มกาแฟและถือโอกาสเข้าห้องน้ำด้วยค่ะ แก้วนี้เลยค่ะ คาปูชิโน กับขนมเป็นของว่างเล็กๆ น้อยๆ
มาถึงสถานีก่อนเวลาเลยได้นั่งชมวิวตรงลานหน้าสถานีระหว่างรอ เราจะกลับ Vicenza กันค่ะ
ดูเลขบวนรถ เพื่อหาชานชาลาจากตั๋วเหมือนเดิมค่ะ
รถไฟมาแล้ว
มาถึงบ้านยังไม่มืดเลยค่ะ เลยขอนำเที่ยวแถวๆ บ้านเพื่อนนะคะ บรรยากาศดีมากค่ะ
ที่ต่างกับบ้านเราคือ เดินมาแค่หน้าบ้านก็มีสวนสาธารณะเล็กๆ ให้พักผ่อนได้แล้วค่ะ
ภายในก็มีพื้นที่สวนเล็กๆ ทั้งผลไม้ที่กินได้ ปลูกเอง และผักสวนครัวค่ะ เรียกได้ว่าไม่ห่างจากต้นไม้เลยค่ะ
เนื่องจากเหลือเวลา เราเลยไปเที่ยวต่อที่ Marostica เป็นป้อมปราการ เก่าแก่ มีจตุรัสกลางเมือง มีชื่อเสียงในเรื่องลานหมากรุกคน คือถึงเวลาเทศกาล เค้าก็จะมีการจัดให้เล่นหมากรุกบนกระดานกลางลานนี้ มีคนจริงๆ มีม้าจริงๆ มาเล่นกันเลย
อากาศเริ่มเย็นยะเยือก ป้อมนี้ตั้งอยู่บนภูเขา แสงสีเหลืองทอง ทำให้ดูขลังขึ้นมาจริงๆ
ได้มีโอกาสขึ้นไปบนกำแพงป้อม สูงมากค่ะ แล้วก็มืดด้วย เพื่อไปชมวิวเมืองด้านล่าง เห็นจตุรัสอยู่ลิบๆ
ด้านล่างจะเป็นจตุรัสค่ะ ยังเปิดในตอนกลางคืน มีร้านค้าอยู่รอบๆค่ะ
ลานหมากรุกคน ตอนที่เรามาไม่ได้มีเทศกาลเลยเป็นลานโล่งๆ ค่ะ
และตบท้ายด้วยการแวะร้านไอศครีมอร่อยๆ เราเลือกไอศครีมรสนม เป็นการปิดท้ายการไปตะลอนๆ วันแรกจ้า
1,600 total views, 1 views today