แผนของวันนี้ เกือบจะไม่เป็นไปตามอย่างที่คาด เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในตอนเช้า เราก็เลยออกไปหาอะไรรองท้องกันเช่นเดิมค่ะ
แผนการเดินทาง
ได้กาแฟมาแล้วก็ไม่ลืมที่จะแวะร้านขนม ตอนแรกหวังแค่จะหาครัวซองค์หอมๆ แต่เมื่อมาเจอขนมในตู้ขนาดนี้แล้ว ก็ต้องหาติดมือกลับไปบ้างล่ะ
Ticket -3
Musee du Louvre M(6) Dupleix - Charles de Gaulle Etoile - M(1)Palais Royal Musee du Louvre - Louvre Rivoli (19 mins)
เราจะออกเดินทางกันด้วยเมโทรเช่นเดิมค่ะ เริ่มต้นที่ Metro สาย6 เราจะไปลงที่สถานี Charles de Gaulle Etoile เพื่อเปลียนเมโทรเป็น สาย1 และไปลงที่สถานี Palais Royal Musee du Louvre
หากลงที่สถานี Palais Royal Musee du Louvre จะไปโผล่ด้านในอาคารด้านล่างของ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เลย
บรรยากาศบนรถไฟ
ระหว่างทางที่จะเดินเ้ข้าไปที่ลูฟ เราก็ได้ฟังเพลงเพราะๆ จากนักดนตรีริมทาง
สามารถหาข้อมูลวันหยุดและเวลาการเข้าชมได้ที่
Website: http://www.louvre.fr/
ทางเข้า Pyramid and Galerie du Carrousel :เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร)
เวลา 9 a.m. to 7:30 p.m. ในวันจันทร์ , พฤหัส, เสาร์, อาทิตย์
เวลา 9 a.m. to 10 p.m. ในวันพุธ และ วันศุกร์
เมื่อซื้อบัตรเรียบร้อย เราก็ขึ้นมาที่พีระมิดแก้ว ซึ่งเป็นทางเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ พีระมิดแก้วนี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอเมริกันเชื้อสายจีน I.M. Pei พีระมิดมีความสูง 21 เมตร กว้าง 33 เมตร ประกอบด้วยรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน 603 ชิ้น กับรูปสามเหลี่ยมอีก 70 ชิ้น รวมถึงเป็นเจ้าของตำนานกระจก 666 แผ่น เราก็ไม่ได้นับด้วยแฮะ ได้แต่ผ่านเข้าไปเลย
เมื่อเข้ามาแล้วก็อย่าลืมหาแผนผังของพิพิธภัณฑ์นะคะ จะได้ไม่หลง
ที่นี่จะมีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นใต้ดิน ชั้นล่าง
ชั้น1 และ2 และแบ่งออกเป็น 3 ปีก คือทิศเหนือ (Richelieu)
ทิศตะวันออก (Sully)
และทิศใต้ (Denon)
ซึ่ง แผนผังจะแจ้งไว้หมดค่ะว่า ในแต่ละปีกมีอะไร
เนื่องจากความกว้างขวางของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเราคิดว่าใช้เวลาทั้งวันคงเดินไม่หมด เราจึงเลือกดูเป็นบางภาพที่สำคัญๆ อันดับแรกเราจะไปตามหาโมนาลิซ่ากัน ซึ่งระหว่างทางเราก็ชมงานศิลปะอื่นไปด้วย
แอบส่องไปด้านนอก
และนี่ก็คือ The Winged Victory of Samothrace อยู่ใกล้กับทางเข้าของปีกเดนง (Denon) เป็นรูปสลักหินอ่อนเทพเจ้าแห่งชัยชนะของกรีซ ความงดงามของรูปปั้นจะอยู่ที่เสื้อผ้าบนตัวหญิงสาว ที่แนบเนื้อสะบัดแนบลำตัว คล้ายกับยืนรับแรงลมด้านหัวเรือ โดยมีปีกสองข้างด้านหลังกางออก ในช่วงแรกไม่ได้เห็นเป็นโครงชัดเจน ปีกยังขาดแหว่ง แต่ก็มีการซ่อมแซมเรื่อยมาจนสวยงามอย่างทีเห็นในภาพ
ศิลปะมีให้ชมแม้แต่เงยหน้ามองเพดาน
ผ่านห้องที่มีการบูรณะซ่อมแซมด้วยค่ะ
ระหว่างเราเดินหลงหาโมนาลิซ่า เราได้เดินผ่านในส่วนของ แกรนด์แลลอรี่ ซึ่งมีภาพวาดหนึ่งในผลงานของดาวินชี นั่นก็คือ Madonna of the rocks ซึ่งแฟนหนังสือคงไม่พลาด
มาถึงไฮไลท์แม่นางโมนาลิซา Mona Lisa สังเกตได้ว่าคนเยอะมาก วิธีเข้าไปชมก็เข้าไปชมได้คนละแว๊บเดียวเท่านั้น
จนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่า โมนาลิซ่า ยิ้มหรือกำลังร้องไห้ ยังคงเป็นความงามที่ลึกลับอยู่จนปัจจุบัน
แล้วเราก็เดินหลงค่ะ กำลังตามหาห้องนโปเลียน ขนาดมีแผนผังนะเนี่ย แต่ยังไงก็ต้องไปให้ถึงให้ได้ค่ะ
แล้วเราก็มาถึงจนได้ ห้องของพระเจ้านโปเลียนที่ 3 กษัตริย์องค์สุดท้ายของฝรั่งเศส Apartment of Napoleon III ตั้งอยู่ทางปีก Richelieu ชั้น1 เข้าไปก็ต้องร้องว้าว เพราะห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหรา สไตล์หลุยส์ มี Chandelier ห้อยอยู่บนเพดาน ผนังกำแพง สไตล์โรโกโก
ความงดงามของ Chandelier
ทิ้งทวนกับกระจกก่อนจะออกไปชมด้านนอก
อนุเสาวรีย์ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ คือพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในลักษณะทรงม้า หากเรายืนตรงจุดพอดี จะเห็นว่า เป็นจุดสำคัญหลักต่อเรียงกันเป็นเส้นตรง ตั้งแต่ประตูชัยการ์รูเซล สวนตุยเลอรี ลานคอนคอร์ด ถนนช็องเซลิเซ่ ประตูชัยเดอลิทัวล์ ประตูชัยลาเดฟองซ์
ประตูชัยการ์รูเซล Arc de Triomphe du Carrousel สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1806-1808 จากคำสั่งของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 เพื่อประกาศชัยชนะของทหารฝรั่งเศสต่อกองทัพของออสเตรีย เป็นประตูชัยที่เล็กที่สุด เมื่อเทียบกับจากประตูชัยทั้งสามแห่ง แบ่งเป็นประตูโค้งสามประตู มีเสาหินอ่อนสีแดงเป็นฐาน ด้านบนสุดประดับด้วยรูปปั้นของผู้ชนะ มีเทพธิดาแห่งชัยชนะสีทองขนาบทั้งสองด้าน ส่วนตัวม้านั้นแต่เดิมเป็นม้าที่มาจากโบสถ์เซนต์มาร์ก แห่งเมืองเวนิส ที่พระเจ้านโปเลียนไปช่วงชิงมา แต่ปัจจุบันได้ส่งคืนกลับไปที่โบสถ์ และสร้างรูปจำลองขึ้นมาแทน
หลังประตูชัยการ์รูเซล ก็คือสวนตุยเลอรี สวนสวยบรรยากาศดี หากใครอยากทานอาหารในนี้ก็มีร้านอาหารค่ะ แต่เราแนะนำว่าถ้าไม่ได้อยากได้บรรยากาศมาก ก็ไปหาทานร้านด้านนอกจะดีกว่า เพราะราคาค่อนข้างสูง ตามสถานที่สวยๆ เลยทีเดียว
สมัยก่อน สวนตุยเลอรี แห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวัง ตุยเลอรี (Palais des Tuleries) ที่สร้างขึ้นตามคำสั่งของพระนางคาเธอรีน เดอเมดิชีย์ (Catherine de Medicis)
สระกลางสวน เห็นคนมานั่งเล่นกินลมชมวิวกันเยอะ อากาศเย็นสบาย
ปลายสุดของสวนตุยเลอรี เราจะพบกับลานคอนคอร์ด (Place de la Concorde) จตุรัสที่นับว่าใหญ่สุดของปารีส ที่นี่อดีตเคยเป็นที่ตั้งของกิโยติน ที่ตัดพระศอ ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารีอองตัวแนต ในปี ค.ศ.1793 แต่ต่อมาก็มีการปรับภูมิทัศน์ใหม่ ในปี ค.ศ. 133 ด้วยการนำเสาหินโอเบลิสก์ แห่งอียิปต์ ที่ฟาโรต์รามเสสที่ 2 เป็นผู้สร้าง และได้มอบให้ฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1829 ซึ่งตกแต่งด้วย อักษรภาพ เล่าถึงการปกครองสมัยนั้น
มองตรงไปจะเห็นถนนช็องเซลิเซ่ (Champs Elysees) ที่เรากำลังจะเดินไป
ถนนช็องเซลิเซ่ (Champs Elysees) ซึ่งถือได้ว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก ความยาวกว่า 2 กิโลเมตร สองข้างทาง นอกจากร้านค้าแบรนด์เนมแล้ว ก็ยังมีโรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร
เดินชิวยาวมาเรื่อยจนมาเจอร้านขนมเครปสด เราก็แวะชิมซะหน่อย
ได้มาแล้วอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว การเดินไปชิมไป ชมวิวใจนี่มันช่างสุขใจจริงๆ นะคะ
มีแวะช๊อปปิ้งนิดหน่อย ถ้าใครที่ชื่นชอบก็คงไม่พลาดถนนสายนี้นะคะ สำหรับเราเลือกที่จะซื้อน้ำหอมค่ะ ส่วนภาพนี้ก็น่าจะเป็นโรงภาพยนตร์ค่ะ
เนื่องจากวันนี้น่าจะเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของฝรั่งเศส ก็เลยมีการเดินสวนสนาม
เมื่อเดินจนสุดถนนก็จะพบกับ จตุรัส ชาร์ลเดอโกล (Place Charles de Gaulle-Etoille) จตุรัสใหญ่ทีเป็นจุดตัดของถนน 12 สายในปารีส และยังเป็นที่ตั้งของ ประตูชัย เดอลิทัวล (Arc de Triomphe de I'Etoille) แสดงถึงสัญลักษณ์ของชัยชนะและเสรีภาพของฝรั่งเศส จากสงครามออสแตร์ลิทซ์ สถานปัตยกรรมเป็นแบบสไตล์นีโอคลาสสิก ดัดแปลงจากสถาปัตยกรรมโรมัน มีความสูง 51 เมตร กว้าง 45 เมตร ถ้าหากใครอยากชมใกล้ๆ ก็สามารถเดินลอดใต้ทางลอดไปดูฝั่งตรงข้ามได้ แต่เราไม่ได้เดินข้ามไปดูค่ะ เนื่องจากมีการสวนสนาม
Ticket -4
M(1)Champs Elysees (15 mins) - M(6) Duplex
แล้วเราก็กลับบ้านโดยการใช้ตั๋วใบที่ 4 ค่ะ ขึ้นเมโทรลงสถานีเดิม
ฝากท้องกับร้านอาหารจีนก่อนเข้าไปพักผ่อนค่ะ เจอกันต่อตอนถัดไปนะคะ
- Europe – การทำวีซ่า Schengen
- Europe - การเตรียมตัวเพื่อเดินทางไกล
- Europe Trip - Golden Experience ตอนที่ 1 บินลัดฟ้าสู่ประเทศในฝัน
- Europe Trip - Golden Experience ตอนที่ 2 บ่ายวันแรก Bassano del Grappa
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 3 มนต์เสน่ห์แห่ง Venezia
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 4 Milan อลังการ มหาวิหาร Duomo
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 5 ท่องเมืองโรแมนติก Verona & ยามบ่ายชิวๆ ที่ Lake Sirmione
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 6 ขึ้นเขา Asiago ไปชมวิว - Vicenza Italy
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 7 ตามหากาลิเลโอ - Pisa Italy
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 8 มหัศจรรย์ Roma Italy โคลอสเซียม โรมันฟอรัม
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 9 Paris ที่รัก I love Eiffel
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 10 Paris ตามรอยดาวินชี พิพิธภัณฑ์ Louvre - shopping ชองเซลิเซ่
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 11 สู่ดินแดนในฝัน สวิตเซอร์แลนด์ ล่องทะเลสาป Brienz
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 12 สวิตเซอร์แลนด์ เส้นทางสู่ Jungfraujouh Top of Europe
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 13 สวิตเซอร์แลนด์ ชมเมือง Interlaken
- Europe Trip – Golden Experience ตอนที่ 14 Italy เที่ยวตลาดพื้นเมือง Vicenza
1,634 total views, 1 views today